fbpx

เตาวาฟเฟิลฮ่องกง ทำไมต้องจากโรงงานกล่องเหลือง !!??

เตาวาฟเฟิลฮ่องกง กล่องเหลือง

เตาวาฟเฟิลฮ่องกง ถือเป็นสินค้าขายดีมากๆ ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้เลยนะคะ เนื่องจากขนมชนิดนี้จะบอกว่าเป็นขนมที่ยอดฮิตตลอดกาลเลยก็ว่าได้ พักหลังมานี้เรามักจะได้ยินหลายๆคนเรียกกันว่า “เตากล่องเหลือง” ถ้าคนที่ไม่เคยใช้งานมาก่อนก็จะงงว่า ทำไมต้องกล่องเหลือง ? วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันให้ค้าา

พักหลังมานี้เรามักจะได้ยินหลายๆ คนเรียกกันว่า “เตากล่องเหลือง”
ถ้าคนที่ไม่เคยใช้งานมาก่อนก็จะงงว่า ทำไมต้องกล่องเหลือง ?

เนื่องจากสินค้าที่จำหน่ายอยู่ในตอนนี้ มีหลายแบบ หลายราคา และแต่ละแบบคุณภาพก็แตกต่างกันออกไป ในปีแรกๆเลย ที่ทางบริษัทเรานำมาจำหน่ายก็เป็นเจ้าเตาที่อยู่ในกล่องสีเหลืองนี้ค่ะ ราคาช่วงแรกจะอยู่ที่ 3,500 – 3,800 บาท และในเวลาต่อมา ก็เริ่มมีเตาที่มาจากโรงงานอื่นซึ่งมีราคาต่างกันค่อนข้างมาก ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,xxx บาท ซึ่งบริษัทเราก็ได้นำเข้ามาเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าเช่นกันน

ในช่วงปีนั้นบริษัทมียอดจำหน่ายรวมๆกัน เดือนละ 200-300 เครื่อง ทำให้เราพบปัญหาจากการใช้งานสินค้าที่มาจากต่างโรงงานกันค่ะ ซึ่งปัญหาที่เราพบคือ ตัวสินค้าที่มาจากโรงงานที่มีราคาถูกกว่า คุณภาพของวัสดุที่นำมาประกอบขึ้นรูปเตา และอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อวงจรภายในตัวเครื่อง มีคุณภาพค่อนข้างต่ำ เช่น โลหะภายในที่เป็นโลหะที่เกิดสนิมง่าย ทำให้สนิมมาเกาะที่ขั้วไฟต่างๆจนเกิดปัญหา และไม่สามารถถอดซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ได้ (เนื่องจากสนิมกินจนได้รับความเสียหาย TT) จุดเชื่อมขั้วไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานที่ทำให้เกิดการช็อตได้บ่อยๆ เป็นต้น 

ตอนหลังทางบริษัทจึงยกเลิกการนำเข้าสินค้าตัวถูก และแจ้งลูกค้าว่าเรามีแต่ “เตากล่องเหลือง” จำหน่ายค่าา ทำให้ตอนเป็นที่ติดปากกันมา ว่า “เตากล่องเหลือง” ค่ะ แต่ตอนนี้ใช่ว่าเตากล่องเหลืองจะดีเลิศเลอเพอเฟ็คไปหมดทุกอย่างนะคะ เดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังกัน ว่าเตาตัวกล่องเหลืองนี้ มันมี ข้อดี ข้อเสีย ต่างกันอย่างไร แล้วมันคุ้มค่ามั้ยย กับราคานี้ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ทุกคนมารู้จักกับเตาวาฟเฟิลฮ่องกงกล่องเหลืองกันค่าา

เตากล่องเหลือง
เตาวาฟเฟิลฮ่องกง
เตาวาฟเฟิล กล่องเหลือง
เตาวาฟเฟิล กล่องเหลือง

เตากล่องเหลือง เป็นแค่คำพูดติดปากของใครหลายๆ คนนะคะ ก็คือเตาวาฟเฟิลฮ่องกงนั่นเองค่ะ เตานี้ใช้ระบบไฟฟ้า กำลังไฟฟ้า 1500 วัตต์ ปกติใช้อุณหภูมิอยู่ที่ 170-180 องศาเซลเซียส และตั้งเวลาในการอบขนมโดยประมาณ 3 นาทีค่ะ รูปร่างภายนอกตัวเครื่อง ตัวบอดี้ของเตาเป็นแสตนเลส 201 ด้ามจับเป็นไม้ บริเวณแผงปุ่มจะมีสวิตซ์ ปิด-เปิด ปุ่มตั้งอุณหภูมิ และ นาฬิการไขลานในการตั้งเวลา เครื่องรุ่นนี้มีชื่อรุ่นว่า FY-6 เป็นรุ่นที่นิยมที่สุดในท้องตลาดเลยค่ะ

ปัญหาที่พบมากกับเตาวาฟเฟิลฮ่องกงรุ่นกล่องเหลือง

ปกติรุ่นนี้ถ้าเราใช้งานและดูแลรักษาดีๆ จะสามารถใช้ได้นานหลายปีเลยค่ะ แต่สิ่งที่จะมีปัญหาก่อนเลยคือ หน้าเตาที่เคลือบเทปลอนค่ะ ที่หลายคนเจอปัญหา “ขนมติดเตา” อันดับถัดมาคือ “นาฬิกาจับเวลาไม่ค่อยเดิน” “เตาไม่ร้อน” และถัดมาคือ “เครื่องเปิดไม่ติด” ค่ะ

วันนี้เราจะมาดูกันค่ะ ว่า สาเหตุที่กล่าวมาเบื้องต้นนี้ เกิดจากอะไรกันบ้าง

  1. “ขนมติดเตา” ปัญหานี้เกิดจากเทปลอนเสื่อมสภาพ ซึ่งการที่เทปลอนเสื่อมสภาพนี้เกิดจากการใช้งานที่ไม่ถูกวิธี และการขาดการดูแลรักษาค่ะ การใช้งานที่ไม่ถูกวิธีคือ การที่เราเอาวัสดุที่แหลมคม หรือแข็ง มาใช้ขูดขีดบริเวณหน้าเตา ส่วนในเรื่องของการขาดการดูแลรักษาคือ โดยปกติแล้วเราควรต้องทำความสะอาดหน้าเตาของเราทุกครั้งหลังจากที่ทำขนมเสร็จแล้วในแต่ละชิ้น เนื่องจากทุกครั้งที่เราทำขนม จะมีเศษแป้งเล็กๆที่เรามองไม่เห็น เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้ใช้แปรงปัดเตาทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากทำขนมเลยคะ แปรงปัดเตาที่เราแนะนำใช้ ควรต้องเป็นขนสัตว์แท้ 100% เท่านั้นนะคะ ส่วนใครที่สนใจเตาวาฟเฟิลฮ่องกงรุ่นเคลือบพิเศษก็มีจำหน่ายนะคะ เข้ามาดูได้ ที่นี่เลย

  2. “นาฬิกาจับเวลา ไม่ค่อยเดิน” อันนี้เป็นปัญหาที่หาทางแก้ไม่ได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมค่ะ ปกตินาฬิการไขลานจะเป็นชิ้นส่วนเล็กๆอยู่ด้านในและสภาพแวดล้อมในการผลิตที่เมืองจีนกับเมืองไทยค่อนข้างต่างกันมากอยู่ค่ะอาจทำให้ชิ้นส่วนบางอย่างไม่สามารถใช้ได้ดีค่ะ ตัวนี้เราแนะนำว่า ให้หาเป็นนาฬิกาดิจิตอลมาใช้แทนแบบไขลานนะคะ หรือถ้าใครอยากได้แบบนาฬิกาดิจิตอลในตัวเลย ทางเราก็มีจำหน่ายนะคะ คลิก

  3. “เตาไม่ร้อน” เกิดได้จากหลายสาเหตุมากๆ บ่อยครั้งจะเกิดจากลวดของแผ่นทำความร้อนขาด ซึ่งสาเหตุนี้เราจะซ่อมไม่ได้ค่ะ ต้องเปลียนอะไหล่อย่างเดียวเลย ส่วนสาเหตุอื่นๆคืออาจเกิดจากการช็อตในตัวเครื่องค่ะ

  4. “เครื่องเปิดไม่ติด” บางทีอาจเกิดปัญหาจากไฟฟ้ากระชากบ้าง ซึ่งก็อาจจะทำให้สวิตซ์เสียนั่นเอง เพราะฉะนั้นใครเจอปัญหานี้ให้พาน้องไปหาช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าแถวบ้านเปลี่ยนสวิตซ์ให้ได้เลยนะคะ หรือถ้าไม่มีช่าง สามารถส่งมาให้ช่างของทางบริษัทได้เหมือนกันค่ะ คลิก

ข้อดีของเตารุ่นนี้

– ราคาไม่แรงมาก ของทางบริษัทเราที่จำหน่ายอยู่ราคา 2,850 บาท (อัพเดทเมื่อวันที่ 21/3/2565) เป็นราคาที่เข้าถึงได้
– วัสดุและชิ้นส่วนด้านในค่อนข้างดี สามารถซ่อมถอดเปลี่ยนทุกอย่างได้เมื่อเครื่องมีปัญหา ไม่ต้องถึงกับซื้อเครื่องใหม่เมื่อมีปัญหาค่ะ

ข้อเสีย

– เทปลอนเสื่อมสภาพค่อนข้างไว หากทำความสะอาดไม่ดี ยิ่งเสื่อมไวมาก 
– นาฬิกาจับเวลาค่อนข้างมีปัญหา
– เครื่องอาจมีปัญหาง่ายหากดูแลความสะอาดไม่ดี

ทั้งนี้ทั้งนั้นจากที่ได้เล่าให้ฟังเบื้องต้นแล้วนะคะ ถ้าให้เทียบกับคุณภาพและราคา ก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่ค่ะ 

ถ้าใครอยากได้เครื่องที่มีคุณภาพดีกว่านี้ ก็จะเป็นรุ่นที่เป็นดิจิตอล สำหรับตั้งเวลาและอุณหภูมิค่ะ ราคาจะอยู่ที่ 6,500 บาท (คลิก)

และถ้าใครอยากได้เครื่องที่มีคุณภาพเทปลอนดีขึ้น ราคาเครื่องจะอยู่ที่ ประมาณ 3,850 บาทค่ะ แต่ถ้าเลือกใช้เทปลอนคุณภาพดี แต่ขาดการดูแลรักษา ก็อาจไม่คุ้มได้เหมือนกันนะคะ

เปิดสูตรทำขนมวาฟเฟิลฮ่องกง อย่างง่ายยย (สำหรับ 2 ที่)

วัตถุดิบที่ต้องเตรียม

  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 175 กรัม
  2. ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
  3. แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
  4. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  5. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  6. น้ำตาลทราย 125 กรัม
  7. นมสด 50 มิลลิลิตร
  8. น้ำเปล่า 50 มิลลิลิตร
  9. กลิ่นวานิลา 5 มิลลิลิตร
  10. เนยจืดละลาย 30 กรัม

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

  1. ชามผสมแป้ง
  2. ตะกร้อมือ
  3. ถ้วยตวงแป้ง
  4. เตาทำขนมวาฟเฟิลฮ่องกง
  5. ไม้ยาวสำหรับแกะขนมออกจากเตา
  6. ตะแกรงผึ่งขนม

วิธีทำ

  1. ผสมส่วนผสมของแห้งทั้งหมดให้เข้ากัน ได้แก่ แป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู แป้งข้าวโพด เกลือ
  2. ผสมส่วนผสมของ ไข่ไก่ น้ำตาลทราย นมสด น้ำเปล่า กลิ่นวานิลา ให้เข้ากัน จนน้ำตาลละลายดี
  3. นำส่วนผสมข้อที่ 2 เทลงผสมข้อที่ 1 แล้วคนให้เข้ากัน
  4. เติมเนยจืดละลายลงไปเป็นอันดับสุดท้ายแล้วคนจนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะเข้ากัน

ขั้นตอนการเตรียมเตาทำขนมวาฟเฟิลฮ่องกง

ในขั้นตอนนี้เราจะไม่ได้ใช้เตาขนาดเล็กสำหรับใช้ในครัวเรือนนะคะ เราจะใช้เตาเชิงพาณิชย์สำหรับใช้ค้าขายค่ะ เนื่องจากจะทำให้ได้ขนมที่สีสวยน่ารับประทานกว่าค่ะ

  1. เปิดเตาไปที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส รอจนกว่าไฟแสดงสถานะอุณหภูมิจะดับลง 
  2. ตวงแป้ง 150-160 มิลลิลิตร และใส่ไส้ขนมที่ชอบลงไปในแป้งได้เลยค่ะ
  3. เทแป้งที่ตวงมาพร้อมไส้ขนมลงไปในเตา แล้วใช้ไม้เกลี่ยแป้งให้เต็มพิมพ์ ขั้นตอนนี้เราต้องใช้ความเร็วกันหน่อยนะคะ ถ้าเราเทช้า แป้งจะไหลไม่เต็มลูกค่ะ
  4. พลิกเตากลับไปอีกด้านหนึ่ง
  5. ตั้งเวลา 3 นาที
  6. เมื่อครบเวลา 3 นาทีแล้ว ให้กลับด้านขนม แล้วเปิดเตาขึ้น
  7. ใช้ไม้ดึงขนมออก แล้วนำมาผึ่งพัดลมประมาณ 1 นาที เพื่อให้ขนมกรอบค่ะ
  8. ใช้แปรงขนสัตว์ปัดทำความสะอาดหน้าเตา 

เพียงเท่านี้เราก็ได้ขนมวาฟเฟิลฮ่องกงกรอบๆ อร่อยๆ ทานแล้วค่าา ^^

คำถามที่พบบ่อย สำหรับเตาวาฟเฟิลฮ่องกง

Q: ไมขนมถึงมีจุดสีขาวไม่กรอบเต็มแผ่น
A: การเกิดจุดสีขาวบนชิ้นขนมที่ทำให้ไม่กรอบเกิดได้จากหลายสาเหตุมากๆเลยค่ะ

– การเปิดเตา การขยับฝาเตา การกด บีบฝาเตา ในขณะที่ขนมกำลังขึ้นฟูและยังไม่สุก จะทำให้เปลือกขอบนอกของขนมไม่สัมผัสกับผิวเตา ซึ่งจะทำให้ขนมบริเวณที่ไม่สัมผัสกับผิวเตาไม่เป็นสีน้ำตาลเหลืองกรอบค่ะ

– เกิดจากความมันบนผิวเตา หากใครที่ใช้น้ำมัน หรือไส้ขนมที่มีความมัน และทำให้คราบน้ำมันติดอยู่บนผิวเตาก็จะทำให้เกิดจุดสีขาวบนขนมได้ค่ะ

– ความชื้นในเนื้อขนม สูตรของขนมหรือการใส่ไส้ขนม ที่มีปริมาณน้ำมากเกินไป จะทำให้เนื้อขนมไม่สามารถฟูและเซทตัวเต็มพิมพ์ได้ซึ่งก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แป้งมีจุดที่เป็นสีขาวค่ะ
– สูตรของแป้ง สูตรของแป้งบางสูตรที่มีปริมาณของของเหลว และไขมันมากเกินไปจะทำให้ขนมไม่กรอบและมีสีขาวด่างไม่สวยค่ะ

ไฟฟ้า ไฟฟ้าถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการทำขนมเลยค่ะ ปัญหาที่เกิดจากไฟฟ้ามีได้หลายสาเหตุดังนี้

1. การใช้ปลั๊กพ่วงที่ไม่ได้มาตรฐาน การใช้ปลั๊กพ่วงที่เป็นสายไฟเส้นเล็กไม่ได้มาตรฐาน และไม่มี มอก. สาเหตุนี้ จะทำให้แรงดันไฟฟ้าตกและทำให้การทำงานของตัวเครื่อง ไม่ได้ 100% ค่ะ

2. การพ่วงไฟหลายทอด เช่น การพ่วงไฟฟ้าออกมาจากในบ้าน การพ่วงไฟฟ้าตามตลาดนัดเพื่อมาที่หน้าร้าน ลักษณะของการพ่วงไฟฟ้าแบบนี้จะทำให้แรงดันไฟฟ้าลดลง หรืออาจเกิดความร้อนหรือเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งการใช้งานในลักษณะดังกล่าวนี้จะส่งลผลกับเตาทำขนมของเราด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วเครื่องใช้ไฟฟ้าจะต้องใช้แรงดันไฟ 220V แต่ถ้าหากว่าเราพ่วงไฟฟ้ามาหลายทอดหลายต่อ ก็อาจจะทำให้แรงดันไฟของเราตกลงไปที่ 200V 180V ได้ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพของการทำงานเตาของเราลดลงนั่นเองค่ะ ด้วยสาเหตุนี้เองจึงทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดมักจะเขียนไว้ในคู่มือว่า ห้ามใช้ปลั๊กพ่วงเด็ดขขาด

แต่ยังไงก็ตาม เตาของเราก็ไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่างเช่นตู้เย็น เรายังสามารถใช้ปลั๊กพ่วงได้ แต่การใช้ปลั๊กพ่วง เราต้องพิจารณาเลือกใช้ปั๊กพ่วงที่ได้มาตรฐาน ดังนี้

1. ปั๊กพ่วงต้องมี มอก. ถึงราคาจะแพงหน่อย แต่ได้มาตรฐานและความปลอดภัย เพราะเรื่องไฟฟ้า ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะคะ

2. ปลั๊กพ่วงที่รองรับกำลังไฟฟ้าได้มากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราใช้งาน เช่น ใช้ปลั๊กพ่วงที่รับกำลังไฟฟ้าได้ 2500W กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟฟ้า 1500W แต่ถ้าหากพ่วงใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟ 1500W จำนวน 2 ตัว พวกกับปลั๊ก 2500W แบบนี้กำลังไฟจะเกินไป 500W ก็จะไม่สามารถใช้งานได้นะคะ

3. เต้าเสียบต้องมีม่าน เพื่อป้องกันน้ำ หรือเศษผงต่างๆ เข้าไปทำให้ช็อตด้านใน

ตารางเปรียบเทียบเตาวาฟเฟิลฮ่องกงรุ่นอื่นๆ ของ Amber Bake
เครื่องทำวาฟเฟิลฮ่องกง

Leave a Reply

Your email address will not be published.