fbpx

อบขนม สีไม่สวย เกิดจากอะไร

อบขนมแล้วสีไม่สวย เกิดจากอะไร

อบขนมสีไม่สวย เกิดจากอะไร ทำอย่างไร

ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเตาอบขนมรูปแบบทีทางบริษัทจำหน่ายอยู่ ไม่รวมถึงเตาอบลมร้อนขนาดใหญ่นะคะ

ส่วนใหญ่แล้วปัญหาที่เพื่อนๆจะชอบเจอกันก็คือ ขนมมีสีอ่อน ขนมมีสีขาวเป็นบางจุด ซึ่งการเกิดจุดสีขาวบนชิ้นขนมนี้ จะทำให้ขนมไม่กรอบตามที่เราต้องการค่ะ ซึ่งก็เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุมากๆเลยค่ะ

อบขนมแล้วสีไม่สวย ทำไงดี

อบขนมแล้วสีไม่สวย เป็นปัญหาคาใจนักอบเบเกอรี่มือใหม่ รวมถึงผู้ที่ชิมลางเป็นพ่อค้าแม่ขายที่เพิ่งเริ่มรับออเดอร์ แม้ว่าคุณจะไปเรียนกับครูสอนเบเกอรี่ที่สุดแสนจะเทพ ได้สูตรทำขนมที่ดีเลิศประเสริฐศรีแค่ไหน แถมวัตถุดิบฉันก็เลือกสรรแบบที่มีคุณภาพตามสูตรเป๊ะ  แต่แล้วทำไมดันมาตกม้าตาย อบขนมแล้วสีไม่สวย ทุกที เพราะขนมเจ้ากรรมดันออกมาสีเข้มไปบ้าง เกรียมบ้าง อ่อนบ้าง 

Amber Bake จึงรวบรวมปัจจัยทั้งหมดที่สามารถส่งผลให้คุณ อบขนมแล้วสีไม่สวย เรียกได้ว่า อ่านจบแล้วนำไปแก้ปัญหาให้ตรงจุดได้ทันที คราวนี้การันตีอบขนมเสร็จทีไรสีสันออกมาตรงใจ ไม่มีพลาดแน่นอน

ปัจจัยที่ทำให้ อบขนมแล้วสีไม่สวย

1. การเปิดเตา การขยับฝาเตา ก็มีผลให้ อบขนมแล้วสีไม่สวย

การพยายามกดฝาเตา บีบฝาเตา ในขณะที่ขนมกำลังขึ้นฟูและยังไม่สุก จะทำให้เปลือกขอบนอกของขนมไม่สัมผัสกับผิวเตา ซึ่งจะทำให้ขนมบริเวณที่ไม่สัมผัสกับผิวเตานั้นจะไม่เป็นสีน้ำตาลเหลืองกรอบค่ะ แก้ปัญหาโดย ในขณะที่อบอยู่พยายามอย่าไปทำอะไรกับตัวเครื่องค่ะ หากแป้งพองมากเกินไป ล้นเกินไป ฟูเกินไป ให้เราแก้ไขโดยการลดปริมาณลงในการทำครั้งหน้า หรือจะลองปรับสูตร ต้องพยายามหาต้นตอสาเหตุของเพื่อนๆดูค่ะ

2. อบขนมแล้วสีไม่สวย เพราะเกิดจากความมันบนผิวเตา

หากใครที่ใช้น้ำมันทาเตา หรือไส้ขนมที่มีความมัน และทำให้คราบน้ำมันติดอยู่บนผิวเตาก็จะทำให้เกิดจุดสีขาวบนขนมได้ค่ะ แก้ไขปัญหาโดย ควรเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าเตาทุกครั้งหลังการทำขนมเสร็จ และหากใครที่ใช้เตาเทปลอนอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทาด้วยน้ำมันนะคะ

ใส่แป้งและไส้ขนมในปริมาณที่เหมาะสม

3. ความชื้นในเนื้อขนมก็มีผล

ที่เกิดจากสูตรของขนมหรือการใส่ไส้ขนม ที่มีปริมาณน้ำมากเกินไป จะทำให้เนื้อขนมไม่สามารถฟูและเซทตัวเต็มพิมพ์ได้ซึ่งก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แป้งมีจุดที่เป็นสีขาวค่ะ แก้ไขปัญหา หากไส้ขนมบางตัวที่มีปริมาณความชื้นสูง แนะนำให้นำไปอบไล่ความชื้นก่อนนำมาใช้ค่ะ ส่วนสูตรแป้งของใครที่ดูจากน้ำแป้งแล้วเหลวเกินไป ให้ลองปรับสูตรดูจนกว่าจะอบออกมาแล้วได้ขนมที่สีสวยนะคะ เพราะหลักการอบขนมเบเกอรี่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเตาที่ทำขนมเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับตัวเนื้อขนมของเราด้วยค่ะ

4. สูตรของแป้งที่มีปริมาณไขมันมากเกินไป

ปกติแล้วขนมที่มีไขมันมากเกินไปจะส่งผลทำให้ขนมนุ่มนิ่มมากกว่าที่จะกรอบค่ะ แต่การที่ไม่มีไขมันเลย ก็อาจจะทำให้ขนมไม่กรอบได้เหมือนกันค่ะ เพราะฉะนั้นควรต้องปรับสูตรให้มีปริมาณไขมันที่เหมาะสมค่ะ 

5. ไฟฟ้า กับ สีสันของขนม

ไฟฟ้าถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการทำขนมเลยค่ะ ปัญหาที่เกิดจากไฟฟ้ามีได้หลายสาเหตุดังนี้

     5.1 การใช้ปลั๊กพ่วงที่ไม่ได้มาตรฐาน

การใช้ปลั๊กพ่วงที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่มี มอก. สาเหตุนี้ จะทำให้แรงดันไฟฟ้าตกและทำให้การทำงานของตัวเครื่อง ไม่ได้ 100% ค่ะ 

ปลั๊กพ่วง การต่อปลั๊ก

     5.2 การพ่วงปลั๊กไฟหลายทอด

เช่น การพ่วงไฟฟ้าออกมาจากในบ้าน การพ่วงไฟฟ้าตามตลาดนัดเพื่อมาที่หน้าร้าน มีการพ่วงต่อกันหลายทอด และ/หรือ มีการพ่วงเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆด้วย ลักษณะของการพ่วงไฟฟ้าแบบนี้จะทำให้แรงดันไฟฟ้าลดลง  หรืออาจเกิดความร้อนซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งการใช้งานในลักษณะดังกล่าวนี้จะส่งลผลกับเตาทำขนมของเราด้วยเช่นกันค่ะ วิธีแก้ปัญหา หากเป็นไปได้ให้เราเสียบตรงกับเต้ารับของบ้าน หรือของร้านค้า แต่ถ้าหากเราจำเป็นต้องพ่วงสายไฟจริงๆ แนะนำให้เลือกใช้ปลั๊กพ่วงที่ได้มาตรฐานค่ะ

     5.3 แรงดันไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอ

ซึ่งโดยปกติแล้วเครื่องใช้ไฟฟ้าจะต้อง ใช้แรงดันไฟฟ้า 220V แต่ถ้าหากว่าเราพ่วงไฟฟ้ามาหลายทอดหลายต่อ ก็อาจจะทำให้แรงดันไฟของเราตกลงไปต่ำกว่า 220V ได้ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพของการทำงานเตาของเราลดลงสีของขนมก็อาจจะไม่สวยได้ด้วยนั่นเองค่ะ ด้วยสาเหตุเรื่องแรงดันไฟฟ้านี้เองจึงทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดมักจะเขียนไว้ในคู่มือว่า ห้ามใช้ปลั๊กพ่วงเด็ดขาดเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ด้วยค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม เตาของเราก็ไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น พวกเครื่องทำความเย็น เรายังสามารถใช้ปลั๊กพ่วงได้ แต่การใช้ปลั๊กพ่วง เราต้องพิจารณาเลือกใช้ปลั๊กพ่วงที่ได้มาตรฐาน ดังนี้ 

การเลือกใช้ปลั๊กไฟ
  1. ปลั๊กพ่วงต้องมี มอก. ถึงราคาจะแพงหน่อย แต่ได้มาตรฐานและความปลอดภัย เพราะเรื่องไฟฟ้า ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะคะ อันตรายถึงชีวิตได้เลยค่ะ
  2. ปลั๊กพ่วงที่รองรับกำลังไฟฟ้าได้มากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราใช้งาน เช่น ใช้ปลั๊กพ่วงที่รับกำลังไฟฟ้าได้ 2500W กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟฟ้า 1500W แต่ถ้าหากพ่วงใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟ 1500W จำนวน 2 ตัว พวกกับปลั๊ก 2500W แบบนี้กำลังไฟจะเกินไป 500W ก็จะไม่สามารถใช้งานได้นะคะ
  3. เต้าเสียบต้องมีม่าน เพื่อป้องกันน้ำ หรือเศษผงต่างๆเข้าไปทำให้ช็อตด้านใน
  4. สายไฟ ให้เลือกดูสายไฟที่มีขนาดใหญ่ เพราะสายไฟที่มีขนาดใหญ่จะรองรับกระแสไฟฟ้าได้ดีกว่า

ใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกใช้ปลั๊กพ่วงที่ได้มาตรฐาน คลิ๊ก!

     5.4 ขนาดมิเตอร์ที่ไม่เหมาะสม

ถ้าหากใครลองปรับมาจนถึงข้อที่ 5.3 แล้ว ยังไม่ดีขึ้นอีก ให้ลองพิจารณาที่ข้อนี้ดูอีกทีค่ะ ขนาดของมิเตอร์ของบ้านเราที่ไม่เหมาะสม หากใครที่กำลังทำขนมขายอยู่ที่บ้านให้พิจารณาเรื่องขนาดของมิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านเราด้วยค่ะส่วนใหญ่แล้ว บ้านที่ใช้มิเตอร์ขนาด 30A จะไม่ค่อยมีปัญหาถ้าหากไม่ได้เปิดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านพร้อมกันหลายเครื่องค่ะ ส่วนใหญ่ที่มีปัญหาพบได้บ่อย คือบ้านที่ใช้มิเตอร์ขนาด 15A เนื่องจากมิเตอร์จะจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ได้ไม่มากพอค่ะ ต่อให้เราใช้ปลั๊กพ่วงอย่างดี แต่กระแสไฟที่ส่งมาจากต้นทางไม่เพียงพอ ก็ทำให้เกิดปัญหาได้เหมือนกันค่ะ

ดังนั้น บ้านใครที่ต้องการค้าขาย แนะนำให้ขอการไฟฟ้าให้มาเปลี่ยนมิเตอร์ให้เราเป็นอย่างน้อย 30A ไว้กอ่นเลยนะคะ เนื่องจากเราใช้ทั้งไฟฟ้าภายในบ้านและค้าขายหน้าบ้านด้วย กระแสไฟฟ้าจะได้เพียงพอต่อการใช้งานค่ะ

จากสาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมาเบื้องต้นนี้ หากใครที่กำลังพบปัญหาอยู่ ลองแก้ไขตามคำแนะนำดูได้เลยนะคะ

คำถามที่พบบ่อย

Q: ทำไมเตาตัวอื่นใช้ได้ แต่เตาตัวนี้ถึงใช้ไม่ได้

A: คำตอบที่ 1 เพื่อนๆต้องเข้าใจก่อนว่า ระบบการทำความร้อนภายในตัวเครื่องของเตาแต่ละรุ่น ถูกออกแบบมาไม่เหมือนกันค่ะ ชิ้นส่วนที่ใช้ในการทำความร้อนที่ถูกนำมาใช้งานมีหลายแบบ แต่ละแบบจะมีความสามารถในการดึงกระแสไฟฟ้ามาใช้ไม่เหมือนกันค่ะ

ยกตัวอย่างเช่น เตาไทยากิ กับ เตาวาฟเฟิลฮ่องกง

เตาไทยากิทุกรุ่น จะเป็นการทำความร้อนด้วยขดลวดขนาดใหญ่ รองรับแรงดันไฟฟ้าได้ดีกว่าและเสถียรกว่า เทียบกับเตาทำขนมวาฟเฟิลฮ่องกง ที่ตัวเครื่องเป็นแผ่นทำความร้อนที่บรรจุเส้นลวดบางๆขนาดเล็กอยู่ภายใน ซึ่งมีความทนทานน้อยกว่า และไม่สามารถทนกับการเปลี่ยนแปลงของแรงดันไฟฟ้าได้ดีนัก ซึ่งส่วนประกอบของชิ้นส่วนทำความร้อนที่แตกต่างกัน ก็ย่อมส่งผลต่อการใช้ปริมาณไฟฟ้าที่ต่างกันด้วยค่ะ และชิ้นส่วนแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไปด้วยค่ะ

คำตอบที่ 2 เพื่อนๆอาจจะเคยได้ยินว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่ามักจะกินไฟมากกว่าเดิม จะบอกว่าเป็นเหตผลเดียวกันก็ไม่เชิงค่ะ เพียงแต่เครื่องตัวใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องทำวาฟเฟิลฮ่องกง ในการเปิดใช้งานครั้งแรกนั้นมักจะทำความร้อนได้ยังไม่สูงเท่าที่ควร หรืออาจจะมีสม่ำเสมอหรือไม่สม่ำเสมอบ้างแล้วแต่ลอทการผลิต เหตผลนี้เกิดจากปกติแล้วชิ้นส่วนจะต้องถูกเคลือบด้วยน้ำยากันสนิมและอื่นๆ การเปิดใช้งานใหม่ในครั้งแรก เราอาจจะต้องนำมาเปิดไฟทิ้งไว้สักพักหนึ่ง เพื่อเผาเตาก่อนคะ ให้แผ่นทำความร้อนมีการกระจายอุณหภูมิได้อย่างทั่วถึงค่ะ ซึ่งถ้าใครเอามาเทียบกับเตาตัวเก่า ก็อาจจะเทียบกันไม่ได้นะคะ

คำตอบที่ 3 เตาตัวอื่นใช้ได้ แต่เตาตัวนี้ทำไมถึงใช้ไม่ได้ บางครั้งร้านเราอาจจะรับกำลังไฟสำหรับเตา 3 ตัว ได้ แต่พอเราเอาเตาตัวที่ 4 ตัวที่ 5 มาเพิ่ม ปรากฎว่า กำลังไฟไม่พอ ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งได้เช่นกันคะ

 

Leave a Reply

Your email address will not be published.