ทำไมเครื่องอบขนมต่างโรงงาน ทำขนมได้หน้าตาเหมือนกัน แต่เครื่องมีราคาไม่เท่ากัน ?

บทความนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ที่กำลังเลือกดูสินค้าของ แอมเบอร์ เบค ที่มีข้อสงสัยและยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะเลือกซื้อเตารุ่นไหนดี มาดูถึงความแตกต่างของสินค้า แบบแทบจะชำแหละชิ้นงานออกมากันเลยทีเดียว ว่าทำไม ? เตาที่ทำขนมออกมาได้หน้าตาเหมือนกัน แต่ราคาถึงแตกต่างกันในแต่ละรุ่น

เพื่อน ๆ หลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า สินค้าที่ผลิตจากต่างโรงงานกันก็ย่อมมีความแตกต่างกันของวัสดุ และ อุปกรณ์ ที่ใช้ในการผลิต แต่ยังไงก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วสิ่งที่แตกต่างกันนั้น มันคืออะไรกันนะ 

ในบทความนี้เราจึงจะพาเพื่อน ๆ มาดูภายในของเตาทำขนม ที่แสดงให้เห็นถึงที่มาที่ไปของความแตกต่างของราคากัน

สิ่งแรกเลย สำหรับการประเมินความแข็งแรงทนทานคร่าว ๆ ของตัวสินค้าคือ “น้ำหนัก” ตัวเครื่องที่มีน้ำหนักมากอาจจะเป็นจุดที่เราสังเกตอย่างง่าย ๆ ได้ว่า วัสดุที่ใช้ในการประกอบชิ้นงาน มีความหนา แข็งแรง คงทน กว่าตัวเครื่องที่มีน้ำหนักเบา

ตัวอย่าง เปรียบเทียบเครื่องทำขนมที่ทำขนมหน้าตาเหมือนกัน และมีน้ำหนักต่างกัน

สิ่งถัดมาที่เพื่อน ๆ สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าเลย ก็คือ ความเนี๊ยบของการประกอบและการขึ้นรูปชิ้นงาน เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า การประกอบและขึ้นรูปชิ้นงานแบบง่าย ๆ แค่ให้พอเป็นรูปเป็นร่างใช้งานได้กับตัวชิ้นงานที่เป็นโลหะนั้น เทียบกับชิ้นงานที่ใส่ใจรายละเอียด มุมพับ มุมคม บาลานซ์ของตัวเครื่อง ต่าง ๆ แล้ว ต้นทุนในการผลิตจะมีความแตกต่างกันมากพอสมควรเลยทีเดียว เพราะการประกอบชิ้นงานโลหะนั้นจะต้องใช้เครื่องจักรที่มีมูลค่าสูงมาก

ยกตัวอย่างเช่น การประกอบชิ้นงานโลหะให้เข้ามุมได้สวยงามพอดี อาจต้องอาศัยการทำงานของเครื่องจักรที่เป็นระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งมีต้นทุนเครื่องจักรสูงมาก แต่ถ้าเอาแค่ให้พอเป็นรูปเป็นร่างตามต้องการ อาจใช้เป็นแรงงานคนในการประกอบแบบง่ายๆได้ หรือว่าในการเชื่อมต่อแผ่นโลหะให้สวยงามได้นั้น ก็จำเป็นจะต้องใช้งานเครื่องจักรแทนการใช้คน

ภาพตัวอย่าง ปัญหาที่พบในขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพ QC ของทางบริษัท

ในบางครั้งการที่เราเอามือจับบริเวณของชิ้นส่วนโลหะ แล้วพบว่า มีความคม จนแทบจะบาดมือได้เลยทีเดียวนั้นก็เกิดจากการทำงานที่เน้นการใช้ต้นทุนต่ำที่สุด โดยลดขั้นตอนการเก็บรายละเอียดของชิ้นงานลงให้มากที่สุด หรือถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือ เอาแค่ให้ใช้งานได้ก็พอ เรื่องอื่นช่างมัน แต่สำหรับโรงงานที่ใส่ใจรายละเอียดในส่วนนี้จะพบว่า โรงงานก็จะมีต้นทุนการทำงานที่เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเกิดจาก ค่าแรงงาน ค่าเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งหลายคนก็คงจะทราบกันดีว่า เครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำชิ้นส่วนงานโลหะนั้น มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

ตรวจเช็คคุณภาพ นำข้อดี-ข้อเสีย และพัฒนาสินค้า อย่างสม่ำเสมอ

การออกแบบตัวเครื่องที่ต่างกัน ซึ่งมีเหตุผลที่เราอาจจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถ้ามองกันตามหลักการแล้ว โรงงานที่มีความใส่ใจในตัวสินค้าก็จะมีการนำข้อเสีย หรือจุดบกพร่องของตัวสินค้านั้นมาพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ อาจเป็นจุดที่เพื่อน ๆ สามารถมองเห็นจากรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเครื่องได้ หรือบางอย่างก็อาจจะเป็นชิ้นส่วนที่อยู่ภายในตัวเครื่องที่เพื่อน ๆ ก็อาจจะไม่รู้ว่า มันคืออะไรกันนะ? ซึ่งเราก็จะพาไปหาคำตอบกัน จากการชำแหละตัวเครื่องให้ดูกัน

รูปเปรียบเทียบ ความแตกต่างของการแยกสายไฟ สายที่แยกออกทำให้การใช้งานไปนาน ๆ ต่อเนื่อง
สายไฟไม่ถูกเสียดสี ป้องกันไม่ให้ฉนวนหุ้มสายไฟขาด และเกิดการช็อตนั่นเอง

เมื่อเราดูจากภายนอกตัวเครื่องไปแล้ว ถัดมา จะเป็นอุปกรณ์ภายในตัวเครื่อง โดยเริ่มต้นที่ เรื่องของสายไฟ 

สายไฟ จะเรียกได้ว่าสายไฟเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่สำคัญมาก ๆ ของเครื่องใช้ไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ เพราะหากสายไฟมีปัญหาแม้แต่เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดปัญหาได้ทันที เช่น เครื่องช๊อต เครื่องดับ ไฟฟ้าลัดวงจร เป็นต้น เพราะฉะนั้นการใช้สายไฟที่มีความเหมาะสมกับการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องคำนึงถึง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตัวเครื่องทำขนม ซึ่งเป็นเครื่องที่ต้องอยู่กับทั้งความร้อนและความชื้นตลอดเวลาที่ใช้งาน สายไฟที่ประกอบเข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของตัวเครื่อง จึงก็ควรต้องเป็นสายไฟที่ทนต่อสภาวะแวดล้อมนั้น ๆ ได้ดีด้วย

ภาพตัวอย่าง เปรียบเทียบเครื่องทำขนมต่างโรงงานกัน

จากภาพนี้เป็นตัวอย่างที่เราเปิดด้านในตัวเครื่องทำขนม เทียบกันระหว่างโรงงานที่จำหน่ายของราคาต่ำกว่าและของที่มีราคาสูงกว่า จะเห็นว่าโรงงานที่มีต้นทุนสินค้าราคาสูงกว่านั้น เขาจะเลือกใช้สายไฟทนความร้อนในตัวอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยเริ่มใช้ตั้งแต่จุดที่จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าเครื่อง

แต่ถ้าถามว่า แล้วถ้าเป็นการใช้สายไฟแบบทั่วไปได้หรือไม่ คำตอบก็คือ ได้ ถ้าหากเรามั่นใจว่าจุดที่เดินสายไฟนั้นไม่ได้อยู่ใกล้อุปกรณ์ที่มีความร้อน และอุปกรณ์ต่าง ๆ แทบจะไม่ได้สัมผัสกับความชื้นเลย ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน 

ปลอกหุ้มสายไฟ สำคัญหรือไม่ ???

การเดินสายไฟ การประกอบสายไฟเข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ หรือโหลดต่าง ๆ ซึ่งจากภาพนี้เราจะเห็นเลยว่า เครื่องตัวหนึ่งไม่มีปลอกหุ้มปลายสายไฟบริเวณขั้วเลย กับอีกตัวหนึ่งที่มีการหุ้มมาทุกจุด ซึ่งจะมีผลต่างกันในเรื่องหลัก ๆ เลย คือ ความทนทาน และความปลอดภัยต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า ถามว่าการที่ต้องใช้ท่อหดหุ้มรัดสายไฟในบริเวณขั้วนั้นมีประโยชน์อย่างไร คำตอบคือ ท่อหดเป็นฉนวนไฟฟ้าตัวหนึ่งที่สามารถป้องกันอันตรายต่อการเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วได้เป็นอย่างดี และการที่ใช้ต่อหดในบริเวณที่มีการเชื่อมต่อสายไฟเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นทำให้สายไฟกับอุปกรณ์ไฟฟ้ายึดติดกันแน่น ไม่เคลื่อนที่ ไม่ขยับ และลดโอกาสที่จะเกิดการช๊อตได้ และอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญก็คือการหุ้มท่อหดนั้นเป็นการป้องกันความชื้นที่อาจเกิดจากการใช้งานของผู้ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้านั้น ๆ ซึ่งหากไม่มีการป้องกันในจุดนี้ ความชื้นจะทำให้ความต้านทานของสายไฟลดลงและอาจเกิดการช๊อตได้นั่นเอง

การจัดเก็บสายไฟและเดินสายไฟอย่างเป็นระเบียบ ข้อดีก็คือหากเวลาที่เครื่องใช้ไฟฟ้าตัวนั้น ๆ มีปัญหา เราจะสามารถไล่สายไฟหาจุดที่เสียหายได้ง่ายขึ้น และไม่เกิดความผิดพลาด หรือความสับสนในการซ่อมหรือประกอบด้วย และยังบ่งบอกให้เห็นถึงความใส่ใจของผู้ผลิตอีกด้วย

ส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในตัวเครื่อง หากเป็นสินค้าที่มีมูลค่าไม่ได้ต่างกันมาก ก็จะสเป็คอุปกรณ์ภายในมาคล้ายๆกัน ซึ่งถ้าต้องการทราบอย่างละเอียดนั้น อาจต้องนำมาเปรียบเทียบสเป็คดูอีกที แต่หากในกรณีของสินค้าที่มีราคาสูงและต่ำต่างกันค่อนข้างมาก จะพบว่า ภายในตัวเครื่องนั้น มักจะมีการเพิ่มเติมอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ที่ช่วยให้การทำงานดีขึ้น เสถียรขึ้น หรืออุปกรณ์ที่ช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้านั้นลดความเสี่ยงที่อาจเกิดความเสียหาย หรือลดความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยลงได้ เช่น การเพิ่มอุปกรณ์เบรกเกอร์ หรือ ฟิวส์ เพื่อป้องกันวงจรไฟฟ้าเสียหายจากกระแสไฟฟ้าที่ลัดวงจร หรือโหลดมากเกินไป ฝาครอบป้องกันการสัมผัส เป็นต้น

เหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่วิธีการสังเกตเบื้องต้น สำหรับให้เพื่อน ๆ ใช้ประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกซื้อสินค้าให้ตอบโจทย์การใช้งานของตนได้มากที่สุด โดยอาจจะเริ่มต้นคำนวณจากงบประมาณ ต้นทุนที่เรามีก่อน และเลือกซื้อสินค้าจากร้านและโรงงานที่มีการการันตี เรื่องการรับประกันสินค้า และบริการหลังการขายด้วยก็จะดีมาก ๆ ผู้ซื้อสามารถสบายใจได้ว่า ได้สินค้าที่ดี ตัดปัญหาจุกจิก เรื่องการดูแลรักษา ซ่อมแซมในอนาคตไปด้วย

เพื่อน ๆ สามารถอ่านบทความ ความแตกต่างระหว่างเตาทำขนมแบบ “โฮมยูส และ คอมเมอร์เชียลยูส ” Home use VS Commercial use เพิ่มเติมได้ที่นี่

วิดีโอ เปรียบเทียบเครื่องทำวาฟเฟิลฮ่องกง ต้องดูก่อนตัดสินใจซื้อ