เบเกอรี่
โฮมเมด

เบเกอรี่โฮมเมด คือ ขนมอบที่รังสรรค์เพื่อให้ทุกคนในบ้านได้ลิ้มรสความอร่อยอันเกิดขึ้นจากการพิถีพิถันเลือกวัตถุดิบที่สะอาด สดใหม่ ใส่ใจทุกรายละเอียดในการทำ นำเข้าอบด้วยสูตรเฉพาะอย่างพิถีพิถันที่ผ่านการหล่อหลอมจนถูกปากทุกคนในบ้าน

และด้วยจำนวนการทำที่น้อยกว่าอุตสาหกรรมขนม ทำให้เราสามารถควบคุมปัจจัยต่างๆได้อย่างใกล้ชิด ทั้งความเนียนนุ่ม ความกรอบ ความหอมของขนม หรือแม้กระทั่งปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้ทาน อย่างบรรดาสารเสริมต่างๆที่นักอบขนมสาย ‘ เบเกอรี่โฮมเมด ’ มักหลีกเลี่ยง ส่งผลให้เมนูทั้งหมดเป็นขนมรสชาติละมุนที่ควบคู่คุณภาพอย่างแท้จริง

เบเกอรี่โฮมเมด

จากความชอบ สู่ ธุรกิจในฝัน “ร้านเบเกอรี่โฮมเมดเล็กๆ”

หากคุณเป็นคนที่มีใจรักในการทำขนมและอยากต่อยอดความหลงใหลให้กลายเป็นรายได้ การผุดไอเดียสร้างสรรค์จากเมนู       ‘ เบเกอรี่โฮมเมด ’ ที่เคยทำทานในบ้านไปสู่การขยายฐานลูกค้า อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถ เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆด้าน ทั้งการจัดเก็บวัตถุดิบ การปรับรสชาติ การตั้งราคา การทำการตลาด เป็นต้น เราจึงมีเคล็ดลับในการเปิดร้าน เบเกอรี่โฮมเมด สไตล์ Amber Bake มาเล่าสู่กันฟัง ว่าจะต้องวางแผนและเตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้ธุรกิจของเราไปได้สวย

” หาจุดเด่น และจุดแข็งของเรา และศึกษาตลาดคู่แข่ง
เพื่อพัฒนาปรับปรุงแก้ไขร้านของเราให้ดียิ่งขึ้น “

ยุคแพลตฟอร์ม
ออนไลน์และคอนเทนต์

ปัจจุบันนี้ โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มออนไลน์ช่องทางต่างๆ ถือเป็นทางเลือกที่สำคัญอันดับต้นๆ หากเรานำการตลาดออนไลน์มาใช้ได้อย่างเป็นระบบ โดยในแต่ละแพลตฟอร์มสามารถช่วยเก็บสถิติ วิเคราะห์ ตลอดจนการแนะนำกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่เหมาะสม เช่นการเปิดเพจร้าน ให้เราสามารถสร้างสังคมของร้านเพื่อการสื่อสารโฆษณา บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าของเรา แถมในยุคที่คนส่วนใหญ่อยู่บ้าน การขนส่งเดลิเวอรี่ก็กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้เราสามารถสร้างธุรกิจโดยไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าร้านให้เปลืองต้นทุน การเริ่มต้นอาจยากลำบากซะหน่อย แต่หากเราศึกษาการตลาดให้ดี และนำแพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านี้มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับร้าน รวมกับมาตรฐานของขนม รับรองว่าร้านจะต้องมีออเดอร์จากลูกค้าเข้ามารัวๆแน่นอน

วางแผนศึกษาข้อมูล

ก่อนที่จะเปิดร้าน ควรหาจุดเด่นและจุดแข็งของเราเสียก่อน เช่น ร้านของเรามีวัตถุดิบที่คัดสรรอย่างดี ร้านเรามีจุดแข็งอยู่ที่รสชาติ ร้านเรามีสูตรเฉพาะอันเป็นเอกลักษณ์ หรือร้านเราเป็นขนมเพื่อสุขภาพ เป็นต้น และก่อนจะเปิดร้านเบเกอรี่โฮมเมด เพื่อการค้า เราต้องมีความมั่นใจในขนมที่ทำออกมา ทั้งหน้าตา รสชาติ และคุณภาพของวัตถุดิบ ในขณะเดียวกันก็ควรศึกษาตลาดคู่แข่งไปด้วย เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงแก้ไขร้านของเราให้ดียิ่งขึ้น

” โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มออนไลน์ ทางเลือกที่สำคัญอันดับต้นๆ
หากเรานำการตลาดออนไลน์มาใช้ได้อย่างเป็นระบบ “

ไม่มีใครอยากลงทุนทำธุรกิจแล้วล้มเหลว ดังนั้นการศึกษาข้อมูลและคำนวณต้นทุนจึงจำเป็นอย่างยิ่ง เริ่มจาก “ต้นทุนคงที่” เป็นต้นทุนสำหรับซื้อเครื่องมือ เตาอบขนม เครื่องผสมแป้ง และอุปกรณ์ต่างๆ ราคาของอุปกรณ์จะแปรผันตามคุณภาพและฟังก์ชั่นการใช้งาน  “ต้นทุนแปรผัน” คืนต้นทุนสำหรับการซื้อวัตถุดิบต่างๆ เช่นแป้ง น้ำตาล เนย เป็นต้น เป็นสินค้าที่ต้องซื้อใหม่อยู่เสมอ ต้นทุนสินค้าจะแปรผันไปตามราคาตลาด ดังนั้นในแต่สูตรแต่ละเมนูจะมีวัตถุดิบและปริมาณการใช้ที่แตกต่างกัน อย่าลืมเอาต้นทุนอื่นๆ เช่น ค่าอุปกรณ์ไฟฟ้า มาคำนวณให้ดีเพื่อจะได้คิดราคาขายต่อเมนูออกมาได้อย่างเหมาะสมและไม่ขาดทุน

หัวใจสำคัญของร้าน เบเกอรี่โฮมเมด ก็คือ ‘ขนม’ ยิ่งขนมของเราอร่อยถูกปาก รสชาติดี ก็ยิ่งมัดใจลูกค้า อาจไม่จำเป็นต้องทำขนมหลายชนิดพร้อมๆ กัน เราอาจจะทำขนมที่มีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ปรับรูปร่างหน้าตา ปรับไส้ขนม เพื่อใช้หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเมนูในการขายในแต่ละวัน หรือชูจุดเด่นในแต่ละเทศกาลสำคัญๆ สร้างเรื่องราวให้กับขนมของเรา เพื่อดึงดูดลูกค้าเก่าและขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ได้อีกด้วย

ขนมโฮมเมดที่ได้รับความนิยม ติดเทรนด์

          ครอฟเฟิล ( CROFFLE ) เป็นขนมที่นิยมทำขายในร้านเบเกอรี่โฮมเมด คือการนำแป้งครัวซองต์ไปอบในเตาวาฟเฟิล รสชาติแป้งที่นุ่มของครัวซองต์และความหอมกรอบของวาฟเฟิลทำให้ขนมมีเอกลักษณ์และรสสัมผัสตอนทานให้ความรู้สึกฟินสุดๆ (เตาครอฟเฟิล และเตาวาฟเฟิลที่น่าสนใจ คลิก)

           วาฟเฟิล ( WAFFLE ) เจ้าขนมรูปร่างหน้าตาคล้ายรังผึ้ง กลิ่นและรสชาติหอมหวาน สามารถจับคู่กับไส้และท็อปปิ้งได้หลากหลายทั้งหวานและคาว ต่อยอดเป็นเมนูสร้างสรรค์อีกมากมาย จึงกลายเป็นหนึ่งใน ‘Signature Dish – เมนูเด็ดเมนูโดน!’ ประจำร้านเบเกอรี่แทบทุกร้าน

            บ้าบิ่นวาฟเฟิล ( THAI COCONUT PANCAKES ) ความนุ่มละมุนลิ้นของแป้งข้าวเหนียวผสานรสชาติหวานมันของกะทิ สอดแทรกเนื้อสัมผัสของมะพร้าวอ่อนที่สู้ฟันกำลังดี ทั้งหมดทั้งมวลจี่ลงบนกระทะร้อนๆทานตอนอุ่นๆยิ่งได้ฟีล! ขั้นตอนง่ายๆอาศัยวัตถุดิบไม่กี่อย่างแต่รสชาติร้อยคะแนนเต็ม จึงทำให้ขนมไทยสัญชาติโปรตุเกสชนิดนี้กลายเป็นหนึ่งในเมนูฮิตที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าสไตล์โฮมเมดต่างเข็นมาเอาใจลูกค้าสายของหวาน

           ไทยากิ ขนมรูปปลา (TAIYAKI) ไทยากิ ขนมที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ลักษณะของขนมไทยากิคือจะเป็นแป้งที่สอดไส้ด้วยถั่วกวน หรือครีมรสชาติต่างๆ ซึ่งเนื้อแป้งก็จะเหมือนแป้งเค้กนั่นเอง ส่วนไส้ต่างๆนั้น ก็จะเน้นไปที่ไส้ที่มีรสหวาน โดยมากจะสอดไส้ถั่วแดงอาซูกิ บ้างก็สอดไส้คัสตาร์ด, ช็อกโกแลต, ชีส หรือมันฝรั่งหวาน

         แซนวิชพานินี่ (PANINI) หรือ พานินี่แซนวิชสไตล์อิตาลี ก็คือหนึ่งในแซนวิชที่ได้รับความนิยมยากมากในยุคนี้ พูดแบบง่ายๆ ก็คือแซนวิชที่หน้าผิวหยัก ผิวกรอบนอก หอมชีส ปิ้งพร้อมเนยกลิ่นห้อมหอม (สามารถอ่านบทความแซนวิชพานินี่ เพิ่มเติมได้ที่นี่เลย คลิก โดยแอมเบอร์ เบค เรามีสูตรวิธีการทำง่ายๆ มาแชร์ไว้ด้วยนะ)

” เมื่อปรับเป็นธุรกิจ สิ่งที่ควรพิจารณาก็คือ
เตาอบขนม ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
ควบคู่ไปกับขนาดของพื้นที่ภายในห้องครัว
เพราะขนาดของเตาอบขนมก็จะมีผลต่อค่าไฟฟ้า และต้นทุนที่ตามมา “

มาตรฐานของขนมเพื่อให้มัดใจลูกค้านั้น นอกจากรสชาติแล้ว หน้าตาของขนมก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน หากหน้าตาขนมของเรามีสีไม่สวย คลิก ก็อาจส่งผลเสียแก่ออเดอร์ที่จะน้อยลงได้ และสาเหตุโดยตรงที่มีผลต่อการอบขนมนั่นก็คือ กระแสไฟฟ้านั่นเอง นั่นเพราะบางร้านเลือกใช้เตาอบขนมที่มีขนาดใหญ่เพื่อรองรับกับจำนวนออเดอร์ที่เข้ามา อาจทำให้กระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอและส่งผลให้การอบขนม เช่น ไฟตก อุณหภูมิของเตาไม่คงที่ เป็นต้น

เรื่องไฟฟ้าจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ สำหรับผู้ที่กำลังจะเปิดร้านใหม่ ซึ่งบ้านเรือนโดยทั่วไปก็จะใช้มิเตอร์ที่รับกระแสไฟฟ้าน้อยๆ สำหรับเพื่ออยู่อาศัยโดยเฉพาะ  ถ้าเราต้องประกอบการค้าก็ควรติดต่อที่การไฟฟ้าเพื่อขอเพิ่มกระแสไฟฟ้าสำหรับประกอบธุรกิจร้านเบเกอรี่ และทางการไฟฟ้าเขาก็จะแจ้งมาว่าเราจะต้องเตรียมความพร้อมอะไรอย่างไรบ้าง

แรกเริ่มก่อนที่เราจะเปิดร้าน เบเกอรี่โฮมเมด อุปกรณ์เตาทำขนมที่มีของเราอาจมีเพียงแค่เตาแก๊ส เตาไมโครเวฟ หรือเตาอบขนมขนาดเล็ก แต่เมื่อปรับเป็นธุรกิจ สิ่งที่ควรพิจารณาก็เตาอบขนมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อช่วยอำนวยความสะดวก กระจายความร้อนได้ดี ทำเมนูได้หลากหลายมากขึ้น แต่ควรพิจารณาควบคู่ไปกับขนาดของพื้นที่ภายในห้องครัวด้วยว่าพื้นที่เพียงพอหรือไม่ และอย่างไรก็ตามขนาดของเตาอบขนมก็จะมีผลต่อค่าไฟฟ้าตามมา เพราะเตาที่มีขนาดใหญ่กว่าก็จะใช้กระแสไฟที่มากกว่าเตาอบขนมที่มีขนาดเล็ก

นอกจากขนาดเตาที่ใหญ่ขึ้นแล้ว สิ่งที่จะช่วยให้เราทำขนมได้สะดวกยิ่งขึ้น ก็คือ เครื่องผสมอาหารหรือเครื่องตีแป้ง เทอร์โมมิเตอร์ นาฬิกาจับเวลาแบบดิจิตอล อุปกรณ์งานเบเกอรี่อื่นๆ เช่น พายยาง ภาชนะสำหรับผสมแป้ง ตะแกรงรองขนม พิมพ์อบขนม เป็นต้น 

 

 

เพื่อเป็นลดต้นทุนและค่าเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ที่ใช้ทำขนม และช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานให้มากยิ่งขึ้น ต้องทำความสะอาดเตาและอุปกรณ์หลังการใช้งานทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของคราบสกปรกที่จะส่งผลต่อเตา เพราะทำให้เกิดสึกหรอเร็วกว่าอายุการใช้งาน  

เบเกอรี่โฮมเมด
บทความและ สาระดีๆ จากแอมเบอร์ เบค
amber bake channel